Mahachulalongkornrajavidyalaya University
MCU Home Search Contacts Study Events Site Map Thai/Eng
 
MCU

First Page » พระมหากฤช ญาณาวุโธ (ใจปลื้มบุญ)
 
Counter : 19991 time
การศึกษาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างฌานและปัญญาในพระพุทธศาสนาเถรวาท(๒๕๔๘)
Researcher : พระมหากฤช ญาณาวุโธ (ใจปลื้มบุญ) date : 21/08/2010
Degree : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา)
Committee :
  พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโญ
  นายสนิท ศรีสำแดง
  นาย รังษี สุทนต์
Graduate : ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๘
 
Abstract

     งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเรื่องฌานและปัญญาพร้อมทั้ง วิเคราะห์
ความสัมพันธ์ระหว่างฌานและปัญญาในพระพุทธศาสนาเถรวาท โดยในการวิจัยครั้งนี้
ผู้วิจัยมุ่งศึกษาการปฏิบัติเพื่อบรรลุฌาน ผลของการบรรลุฌาน การปฏิบัติเพื่อบรรลุปัญญา
และอานิสงส์ของปัญญา ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
อันเป็นหลักปฏิบัติที่อนุชนจะต้องถือเอาเป็นหลักในการปฏิบัติ เพื่อพัฒนากายกับจิตให้มี
คุณภาพในการดำเนินชีวิตต่อไป
     จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างฌานและปัญญาในพระพุทธศาสนาเถรวาท
ทำให้ผู้วิจัยได้ข้อค้นพบที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญของงานวิจัยเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้
ผู้ปฏิบัติเพื่อบรรลุฌาน (สมถะ) ในสมัยก่อนพุทธกาลครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นพระโพธิสัตว์ สมัยนั้นไม่มีพิธีกรรมในการปฏิบัติเพียงแต่กล่าวถึงการบำเพ็ญพรตมีการ
เพ่งกสิณเป็นต้น มาถึงสมัยพุทธกาลพุทธบริษัทได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ามีจิตเป็นสมาธิ
แล้วใช้ปัญญาพิจารณาธรรมนั้นก็สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ต่อมาในสมัยปัจจุบันได้
มีการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน คือ ผู้ปฏิบัติจะต้องสมาทานศีลตัดความกังวลและเข้าไปหา
อาจารย์ผู้สอนกรรมฐานและเลือกอารมณ์กรรมฐานที่เหมาะกับจริตของตนแล้วลงมือ ปฏิบัติ
ผู้ปฏิบัติเมื่อบรรลุฌานแล้ว จิตเกิดสมาธิสงบแน่วแน่ ปีติความอิ่มใจสุขใจก็
เกิดขึ้น ทำให้ผู้ปฏิบัติติดอยู่กับฌาน เมื่อติดอยู่กับฌานแล้วจึงไม่ต้องการที่จะบำเพ็ญปัญญา(วิปัสสนา) ต่อไปได้ อีกประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง มีคำกล่าวไว้ว่า “ฌานเป็นบาทฐาน
ของปัญญา” ซึ่งหมายความว่า ฌานเป็นพื้นฐานของการเจริญปัญญา ดังนั้น เมื่อกล่าวอย่าง
ถูกต้องแล้วการบำเพ็ญฌานจึงต้องเชื่อมโยงไปสู่การเจริญปัญญา (วิปัสสนา) เสมอ
การปฏิบัติแนวสมถะ (ฌาน) วิปัสสนา (ปัญญา) ทั้งสองอย่างนี้มีจุดมุ่งหมาย
เดียวกัน คือ ความหลุดพ้นจากกิเลส แต่การหลุดพ้นจากกิเลสตามแนวการปฏิบัติสมถะ
(ฌาน) เป็นเพียงการข่มกิเลสไว้เหมือนกับหินทับหญ้า เมื่อนำหินออกหญ้าก็งอกขึ้นอีก ส่วน
ความหลุดพ้นจากกิเลสตามแนวการปฏิบัติวิปัสสนา (ปัญญา) เป็นการหลุดพ้นจากกิเลสอย่าง
สิ้นเชิงฌาน (สมถะ) และปัญญา (วิปัสสนา) ถือว่าเป็นแบบอย่างที่อนุชนพึงประพฤติ
ปฏิบัติ เพราะถ้าหากใครประพฤติปฏิบัติตามแล้วผลที่ได้รับคือ มีชีวิตอยู่ด้วยความผาสุกและ
บรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา

Download : 254819.pdf

Download :
 
 
Copyright © Mahachulalongkornrajavidyalaya University All rights reserved 
Maintained by: webmaster@mcu.ac.th 
Last Update : Thursday February 9, 2012