หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU
ภายในระบบ
หลักสูตร
รายละเอียดประจำวิชา
เอกสารประกอบการสอน
ตำราวิชาการ
บทความวิชาการ

หน้าหลัก » ว่าที่ พ.ต. ผศ.พิเศษ ดร.สวัสดิ์ จิรัฏฐิติกาล » การปฏิบัติธรรมของผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรม
 
เข้าชม : ๖๕๗๐ ครั้ง

''การปฏิบัติธรรมของผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรม''
 
ว่าที่ พ.ต. ผศ.พิเศษ ดร.สวัสดิ์ จิรัฏฐิติกาล (2556)

 

การปฏิบัติธรรมของผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรม

Acting in Dhamma Principlesof Prisonners in Klongprem Centril Prison

 

ว่าที่ พ.ต. ผศ.พิเศษ ดร.สวัสดิ์ จิรัฏฐิติกาล

วท.บ.(เศรษฐศาสตร์), รบ.(ความสัมพันธ์ต่างประเทศ),

ศศ.บ.(รัฐศาสตร์, สื่อสารมวลชน, ไทยศึกษา),

ศศ.ม.(พัฒนาสังคม, รัฐศาสตร์), บธ.ม.(การตลาด),

Ph.D. (Social Sciences)     

 

บทคัดย่อ

 

                การศึกษาวิจัยเรื่องนี่มีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างและพัฒนาหลักสูตรการฝึกปฏิบัติธรรมให้ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรม และเพื่อประเมินการนำความรู้ในหลักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมมัฏฐาน ไปใช้ในชีวิตประจำวันของผู้ต้องขังหลังการฝึกปฏิบัติธรรม การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นและการปฏิบัติผู้ต้องขังก่อนและหลังการเข้าอบรมการฝึกปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน ในการวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงกึ่งทดลองแบบ ๒ กลุ่ม วัดผลก่อนและหลังการฝึกปฏิบัติ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม จำนวน ๖๐ คน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรมที่นับถือศาสนาพุทธ ผู้ต้องขังที่ได้ฝึกการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน จำนวน ๓๐ คน และผู้ต้องขังที่ไม่ได้ฝึกการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน จำนวน ๓๐ คน

                ผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดเป็นเพศชาย มีอายุ ๓๑ - ๓๕ ปี และ ๒๕ - ๓๐ ปี ส่วนใหญ่ไม่เคยต้องโทษมาก่อน โดยผู้ต้องขังต้องโทษในฐานความผิดเสพหรือจำหน่ายยาเสพติดมากที่สุด ส่วนภูมิลำเนาที่ผู้ต้องขังอยู่ก่อนถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่จะเป็นต่างจังหวัด และผู้ต้องขังส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบอาชีพก่อนถูกดำเนินคดี

     ความเห็นของผู้ต้องขังเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา จำแนกตามกลุ่มก่อนและหลังผ่านหลักสูตร พบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนมากกว่าผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตร ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรส่วนใหญ่ไม่ต้องการตักบาตรเลย แต่เมื่อผ่านหลักสูตรแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการตักบาตรบ่อย ๆ ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรส่วนใหญ่ไม่ต้องการฟังเทศน์ แต่เมื่อผ่านหลักสูตรแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการฟังเทศน์บ่อย ๆ ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตร ส่วนใหญ่ไม่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน แต่เมื่อผ่านหลักสูตรแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินบ่อย ๆ

                     ความเห็นของผู้ต้องขังเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา จำแนกตามกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตร พบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ และ ๒ ต่างก็สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนไม่แตกต่างกัน ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๒ ต้องการตักบาตรมากกว่า ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑

                     ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการฟังเทศน์ แต่เมื่อผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร แต่ได้รับการพัฒนาพฤตินิสัยตามปกติของเรือนจำ ตอบคำถามครั้งที่ ๒ แล้ว พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการฟังเทศน์นาน ๆ ครั้ง ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน แต่เมื่อผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร แต่ได้รับการพัฒนาพฤตินิสัยตามปกติของเรือนจำ ตอบคำถามครั้งที่ ๒ แล้ว พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินนาน ๆ ครั้ง

          ความเห็นของผู้ต้องขังเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา จำแนกตามกลุ่มผ่านและไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา หลังเรียน พบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ต้องการตักบาตร ต้องการฟังเทศน์ ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน มากกว่า

          จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาจะมีพฤติกรรม และความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาสูงขึ้น ดังนั้นทางผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือเรือนจำต่าง ๆ ควรมีโปรแกรมให้ผู้ต้องขังได้ปฏิบัติธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา เพื่อกล่อมเกลาจิตใจของผู้ต้องขังให้มีพฤติกรรม และความคิดเห็นต่อในการปฏิบัติธรรมสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

Abstract

 

  The Study of  Acting in Dhamma Principles of Prisoners in Klongprem Central Prison has the objectives to create and develop the course of Acting in Dhamma Principles of Prisoners in Klongprem Central Prison and to try the use of effectiveness assessment of course of Acting in Dhamma Principles of Prisoners in Klongprem Central Prison.

              This research study found that the sample prisoners are male ages between  31– 35 years and 25 – 30 years The most of them never been in the prison before.  There are maximum prisoners who convicted of drugs crimes. For the birth place of prisoners before convicted are the provincial.  And the most prisoners do not have career before convicted.

              The opinion of prisoners about acting in dhamma principles separate by the group before and after finish the courses found that prisoners who passed the worship course more than prisoners who before passed the course.  The most prisoners who before passed the course do not need to donate foods.  But when already passed the course, most of them often need to donate foods.  The most prisoners who before passed the course do not need to listen the sermon.  But when already passed the course, most of them often need to listen the sermon.  The most prisoners who before passed the course do not need to attend the giving ceremony.  But when already passed the course, most of them often need to attend the giving ceremony.

              The opinion of prisoners about acting in dhamma principles separate by the group who does not pass the course found that prisoners who do not pass the course that answer the questions first time and second time have worship before sleep not different.  The prisoners who do not pass the course that answer the questions second time need to donate food more than who answer the questions first time.  The most prisoners who do not pass the course that answer the questions first time do not to listen the sermon.  But when prisoners who do not pass the course but get the rehabilitation course from prison had answer the questions second time found that most of them need to listen the sermon for some times.  The most prisoners who do not pass the course that answer the question first time do not need to attend the giving ceremony but get the rehabilitation training course from prison had already answer the questions second time found that most of them need to attend the giving ceremony for some times.

              The opinion of prisoners about acting in dhamma principles separate by the group who passed and do not passed acting in dhamma principles after study found that the prisoners who passed the course have worship before sleep, need to donate some foods, need to listen the sermon, need to attend the giving ceremony more than do not need.

              The study found that prisoners who after passed the acting in dhamma principles would be better behavior and their opinion to acting in dhamma principles. Therefore the rehabilitation staff should have program for prisoners to acting in dhamma principles for rehabilitate their behavior and opinion acting in dhamma principles better than in the present.

 

บทนำ

 

  การจัดการหรือการปฏิบัติต่อผู้ที่กระทำความผิดกฎเกณฑ์ของสังคมขึ้นอยู่กับปรัชญาความเชื่อ ทัศนคติของสังคมแต่ละสังคม ซึ่งเน้นในการฟื้นฟูจิตใจของผู้ต้องขังให้เป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมในการอยู่ร่วมกันในสังคม การพัฒนาจิตใจจึงเป็นรากฐานที่สำคัญและเป็นพื้นฐานของการพัฒนาในด้านอื่น ๆ แต่การพัฒนาผู้ต้องขังในปัจจุบันนั้นไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวว่าจะต้องพัฒนาด้วยวิธีการใดเพื่อให้มีความรู้ความสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงจนสามารถกลับตัวเป็นคนดีของสังคมได้ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตภายหลังพ้นโทษแล้ว แนวทางในการพัฒนาด้วยวิธีการใดเพื่อให้มีความรู้เกิดการเปลี่ยนแปลงการหาคำตอบในเรื่องดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการนำเอาหลักธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานไปใช้ในการขัดเกลาผู้ต้องขังให้ปฏิบัติตนตามกฎหมาย มีความเคารพในกติกาของสังคมสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคมและประเทศชาติ ดังนั้นการศึกษาการปฏิบัติธรรมของผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานของผู้ต้องขังในเรือนจำกลางคลองเปรมจะทำให้เกิดความเข้าใจในตัวผู้ต้องขัง ปัญหา และอุปสรรคในการนำโดยการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานมาใช้ในการพัฒนาผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ปฏิบัติตนตามหลักธรรมและไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก ซึ่งเป็นการป้องกันสังคมให้ปลอดภัยจากอาชญากรรม ได้อย่างยั่งยืนตลอดไป

 

เครื่องมือและวิธีการวิจัย

 

การศึกษาวิจัยในครั้งนี้เป็นการสร้างและพัฒนาหลักสูตรการฝึกปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานใช้อบรมผู้ต้องขัง ในเรือนจำกลางคลองเปรม และทดลองใช้และประเมิน
ประสิทธิผลของหลักสูตรการฝึกปฏิบัติธรรม เป็นการวิจัยกึ่งทดลองเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นและการปฏิบัติผู้ต้องขังก่อนและหลังการเข้าอบรมการฝึกปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน ในการวิจัยครั้งนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงกึ่งทดลองแบบ ๒ กลุ่ม วัดผลก่อนและหลังการฝึกปฏิบัติ
ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม จำนวน ๖๐ คน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรมที่นับถือศาสนาพุทธ ผู้ต้องขังที่ได้ฝึกการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน จำนวน ๓๐ คน และผู้ต้องขังที่ไม่ได้ฝึกการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน จำนวน  ๓๐ คน

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย คือ แบบสอบถามเพื่อวัดระดับความคิดเห็นและการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานโดยแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ข้อมูลทั่วไป ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ ฐานความผิด และแบบทดสอบระดับความคิดเห็นการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนา

 

ผลการวิจัย

 

จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มตัวอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเพศชาย มีอายุ ๓๑ - ๓๕ ปี และ ๒๕ - ๓๐ ปี มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช.ต่ำกว่าประถมศึกษา และประถมศึกษา มีสถานภาพสมรสหรือมีภรรยาแล้ว ส่วนใหญ่ไม่เคยต้องโทษมาก่อน โดย ผู้ต้องขังต้องโทษในฐานความผิดเสพหรือจำหน่ายยาเสพติดมากที่สุด ส่วนภูมิลำเนาที่ผู้ต้องขังอยู่ก่อนถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่จะเป็นต่างจังหวัด และผู้ต้องขังส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบอาชีพก่อนถูกดำเนินคดี

  การวิเคราะห์พฤติกรรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง จำแนกตามกลุ่มผ่านและ ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ก่อนเรียน

              จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังกลุ่มทดลองทั้ง ๒ กลุ่ม เข้ารับการฝึกอบรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาด้วยความสมัครใจ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐

  การสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน พบว่า ผู้ต้องขังทั้ง ๒ กลุ่ม ส่วนใหญ่เคยสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนนาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนมากกว่าผู้ต้องขังกลุ่มก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              ความต้องการตักบาตร พบว่า ผู้ต้องขังกลุ่มก่อนเรียนหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่ไม่ต้องการตักบาตรเลย ส่วนผู้ต้องขังกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่ต้องการตักบาตรนาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการตักบาตรมากกว่าผู้ต้องขังกลุ่มก่อนเรียนหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              ความต้องการฟังเทศน์ พบว่า ผู้ต้องขังกลุ่มทดลองทั้ง ๒ กลุ่ม ส่วนใหญ่ไม่ต้องการฟังเทศน์ โดยผู้ต้องขังกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการฟังเทศน์นาน ๆ ครั้งมากกว่าผู้ต้องขังกลุ่มก่อนเรียนหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              ความต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน พบว่า ผู้ต้องขังกลุ่มทดลองทั้ง ๒ กลุ่ม ส่วนใหญ่ไม่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน โดยผู้ต้องขังกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินมากกว่าผู้ต้องขังกลุ่มก่อนเรียนหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              การวิเคราะห์พฤติกรรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง จำแนกตามกลุ่มก่อนและหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังก่อน/หลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา เข้ารับการฝึกอบรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาด้วยความสมัครใจ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐

              การสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน พบว่า ผู้ต้องขังก่อน/หลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่เคยสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนนาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนมากกว่าผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              ความต้องการตักบาตร พบว่า ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่ไม่ต้องการตักบาตรเลย แต่เมื่อผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการตักบาตรบ่อย ๆ โดยผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการตักบาตรมากกว่าผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              ความต้องการฟังเทศน์ พบว่า ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่ไม่ต้องการฟังเทศน์ แต่เมื่อผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการฟังเทศน์บ่อย ๆ โดยผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการฟังเทศน์มากกว่าผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              ความต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน พบว่า ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่ไม่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน แต่เมื่อผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินบ่อย ๆ โดยผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินมากกว่าผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

  การวิเคราะห์พฤติกรรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง จำแนกตามกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ และ ๒ เข้ารับการฝึกอบรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาด้วยความสมัครใจ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐

              การสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน พบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ และ ๒ ส่วนใหญ่เคยสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนนาน ๆ ครั้ง ซึ่งมีจำนวนเท่ากัน โดยผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ และ ๒ ต่างก็สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนไม่แตกต่างกัน

              ความต้องการตักบาตร พบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ และ ๒ ส่วนใหญ่ต้องการตักบาตรนาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๒ต้องการตักบาตรมากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑

              ความต้องการฟังเทศน์ พบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการฟังเทศน์ แต่เมื่อผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา แต่ได้รับการพัฒนาพฤตินิสัยตามปกติของเรือนจำ ตอบคำถามครั้งที่ ๒ แล้ว พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการฟังเทศน์นาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๒ ต้องการฟังเทศน์มากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑

              ความต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน พบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน แต่เมื่อผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา แต่ได้รับการพัฒนาพฤตินิสัยตามปกติของเรือนจำ ตอบคำถามครั้งที่ ๒ แล้ว พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินนาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๒ ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินมากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑

  การวิเคราะห์พฤติกรรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง จำแนกตามกลุ่มผ่านและไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา หลังเรียน

              จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังที่ผ่าน/ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา หลังเรียน และตอบคำถามครั้งที่ ๒ เข้ารับการฝึกอบรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาด้วยความสมัครใจ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐

              การสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน พบว่า ผู้ต้องขังที่ผ่าน/ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา หลังเรียน และที่ตอบคำถามครั้งที่ ๒ ส่วนใหญ่เคยสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนนาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนมากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒

              ความต้องการตักบาตร พบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่ต้องการตักบาตรบ่อย ๆ ส่วนผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒ ส่วนใหญ่ต้องการตักบาตรนาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการตักบาตรมากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒

              ความต้องการฟังเทศน์ พบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่ต้องการฟังเทศน์บ่อย ๆ ส่วนผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒ ส่วนใหญ่ต้องการฟังเทศน์นาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการฟังเทศน์มากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒

              ความต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน พบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ส่วนใหญ่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินบ่อย ๆ ส่วนผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒ ส่วนใหญ่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินนาน ๆ ครั้ง โดยผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินมากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒

  การวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง จำแนกตามกลุ่มผ่านและไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ก่อนเรียน

              จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๑ มีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนา โดยรวม และรายข้อทุกข้อมากกว่าผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละข้อพบว่า ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๑ มีความคิดเห็นในเรื่องการให้คำแนะนำสั่งสอนผู้อื่นในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ดี ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา เป็นอันดับแรก แต่ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๑ มีความคิดเห็นในเรื่องการปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานทำให้สามารถพบกับความสุขได้ และการฝึกการปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานทำให้เราสามารถแก้ปัญหาชีวิตได้ เป็นอันดับท้ายสุด ในขณะที่ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา มีความคิดเห็นในเรื่องการไหว้พระ ปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐาน จะทำให้พบกับความสุขในชีวิต เป็นอันดับท้ายสุด

  การวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง จำแนกตามกลุ่มก่อนและหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

              จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา มีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนา โดยรวม และรายข้อทุกข้อมากกว่าผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละข้อพบว่า ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา มีความคิดเห็นในเรื่องการให้คำแนะนำสั่งสอนผู้อื่นในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ดี ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา เป็นอันดับแรก แต่เมื่อผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาแล้ว กลับมีความคิดเห็นในเรื่องการไหว้พระ ปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐาน จะทำให้พบกับความสุขในชีวิต เป็นอันดับแรก ในขณะที่ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา มีความคิดเห็นในเรื่องการไหว้พระ ปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐาน จะทำให้พบกับความสุขในชีวิต เป็นอันดับท้ายสุด

              การวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง จำแนกตามกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา

           จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒ มีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนา โดยรวม และรายข้อทุกข้อมากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๑ เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละข้อพบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒ มีความคิดเห็นในเรื่องการปฏิบัติด้วยศีล สมาธิ ปัญญา จะทำให้สามารถสิ้นทุกข์ได้ เป็นอันดับแรก และมีความคิดเห็นในเรื่องการฝึกการปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานทำให้เราสามารถแก้ปัญหาชีวิตได้ เป็นอันดับท้ายสุด แต่ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๑ มีความคิดเห็นในเรื่องการให้คำแนะนำสั่งสอนผู้อื่นในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ดี เป็นอันดับแรก และมีความคิดเห็นในเรื่องการปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานทำให้สามารถพบกับความสุขได้ และการฝึกการปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานทำให้เราสามารถแก้ปัญหาชีวิตได้ เป็นอันดับท้ายสุด

              การวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง จำแนกตามกลุ่มผ่านและไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา หลังเรียน

           จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา มีความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนา โดยรวม และรายข้อทุกข้อมากกว่าผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒ เมื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละข้อพบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา และตอบคำถามครั้งที่ ๒ มีความคิดเห็นในเรื่องการปฏิบัติด้วยศีล สมาธิ ปัญญา จะทำให้สามารถสิ้นทุกข์ได้ เป็นอันดับแรก และมีความคิดเห็นในเรื่องการฝึกการปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานทำให้เราสามารถแก้ปัญหาชีวิตได้ เป็นอันดับท้ายสุด แต่ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาแล้ว มีความคิดเห็นในเรื่องการไหว้พระ ปฏิบัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐาน จะทำให้พบกับความสุขในชีวิต เป็นอันดับแรก และมีความคิดเห็นในเรื่องคนที่มีศีลเป็นคนที่ควรคบหาเป็นอย่างยิ่ง เป็นอันดับท้ายสุด

 

 

 

ผลการวิจัย

 

ผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดเป็นเพศชาย มีอายุ ๓๑ - ๓๕ ปี และ ๒๕ - ๓๐ ปี ส่วนใหญ่ไม่เคยต้องโทษมาก่อน โดยผู้ต้องขังต้องโทษในฐานความผิดเสพหรือจำหน่ายยาเสพติดมากที่สุด ส่วนภูมิลำเนาที่ผู้ต้องขังอยู่ก่อนถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่จะเป็นต่างจังหวัด และผู้ต้องขังส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบอาชีพก่อนถูกดำเนินคดี

ความเห็นของผู้ต้องขังเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา จำแนกตามกลุ่มก่อนและหลังผ่านหลักสูตร พบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนมากกว่าผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตร ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรส่วนใหญ่ไม่ต้องการตักบาตรเลย แต่เมื่อผ่านหลักสูตรแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการตักบาตรบ่อย ๆ ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตรส่วนใหญ่ไม่ต้องการฟังเทศน์ แต่เมื่อผ่านหลักสูตรแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการฟังเทศน์บ่อย ๆ ผู้ต้องขังก่อนผ่านหลักสูตร ส่วนใหญ่ไม่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน แต่เมื่อผ่านหลักสูตรแล้ว ส่วนใหญ่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินบ่อย ๆ

ความเห็นของผู้ต้องขังเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา จำแนกตามกลุ่มที่ไม่ผ่านหลักสูตร พบว่า ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ และ ๒ ต่างก็สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนไม่แตกต่างกัน ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๒ ต้องการตักบาตรมากกว่า ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการฟังเทศน์ แต่เมื่อผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร แต่ได้รับการพัฒนาพฤตินิสัยตามปกติของเรือนจำ ตอบคำถามครั้งที่ ๒ แล้ว พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการฟังเทศน์นาน ๆ ครั้ง ผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร ที่ตอบคำถามครั้งที่ ๑ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน แต่เมื่อผู้ต้องขังที่ไม่ผ่านหลักสูตร แต่ได้รับการพัฒนาพฤตินิสัยตามปกติของเรือนจำ ตอบคำถามครั้งที่ ๒ แล้ว พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐินนาน ๆ ครั้ง

ความเห็นของผู้ต้องขังเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา จำแนกตามกลุ่มผ่านและไม่ผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา หลังเรียน พบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ต้องการตักบาตร ต้องการฟังเทศน์ ต้องการทอดผ้าป่าหรือกฐิน มากกว่า

จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนาจะมีพฤติกรรม และความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาสูงขึ้น ดังนั้นทางผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือเรือนจำต่าง ๆ ควรมีโปรแกรมให้ผู้ต้องขังได้ปฏิบัติธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา เพื่อกล่อมเกลาจิตใจของผู้ต้องขังให้มีพฤติกรรม และความคิดเห็นต่อในการปฏิบัติธรรมสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

ข้อเสนอแนะ

 

ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้แบ่งข้อเสนอแนะออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ จะเป็นข้อเสนอแนะทั่วไป และส่วนที่ ๒ เป็นข้อเสนอแนะในเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป

ข้อเสนอแนะทั่วไป

จากการดำเนินการศึกษาวิจัยในครั้งนี้  ผู้วิจัยเห็นว่า ผลการวิจัยในเรื่องนี้ควรจะนำไปแก้ไขหรือปรับปรุง และพัฒนา เพื่อจะได้ใช้เป็นแนวทางในปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง และความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาของผู้ต้องขัง ซึ่งผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังนี้

จากผลการศึกษา พบว่า ผู้ต้องขังหลังผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา จะมีพฤติกรรม และความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนาสูงขึ้นก่อนที่จะได้รับการปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนา ดังนั้นทางผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือเรือนจำต่าง ๆ ควรมีโปรแกรมให้ผู้ต้องขังได้ปฏิบัติธรรม และการปฏิบัติวิปัสสนา เพื่อกล่อมเกลาจิตใจของผู้ต้องขัง ให้มีพฤติกรรม และความคิดเห็นต่อในการปฏิบัติธรรมสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป

๑. ในการศึกษาครั้งต่อไปควรศึกษาเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจหลังจากการปฏิบัติธรรมของผู้ต้องขัง ในเรือนจำ เพื่อนำผลการศึกษาไปปรับปรุง แก้ไข และพัฒนา เพื่อให้ผู้ต้องขัง มีความรู้ความเข้าใจในธรรมะมากยิ่งขึ้น

๒. ในการศึกษาครั้งต่อไปควรมีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผู้ต้องขังที่มีเพศ อายุ และฐานความคิดในการต้องโทษต่างกัน ว่ามีระดับความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรมแตกต่างกันหรือไม่ หลังจากผ่านหลักสูตรการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา เพื่อนำผลที่ได้มาปรับปรุงแก้ไข พัฒนาหลักสูตรหลังผ่านการปฏิบัติธรรมโดยการปฏิบัติวิปัสสนา ให้สอดคล้อง เข้าใจง่าย และสามารถพัฒนาจิตใจของผู้ต้องขังให้มีความคิดเห็นที่ดีขึ้นต่อการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าผู้ต้องขังที่เป็นเพศหญิงหรือเพศชาย มีอายุมากหรือน้อย ต้องโทษในคดีที่ต่างกัน

๓. ควรมีการศึกษาผลการวิจัยในระยะติดตามผล เพื่อศึกษาว่าผู้ต้องขังมีพัฒนาพฤติกรรม และความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรมที่สูงขึ้นนั้นจะคงอยู่ในระยะยาวหรือไม่ เพื่อที่จะได้ฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องให้เกิดประสิทธิภาพต่อพฤติกรรม และความคิดเห็นต่อการปฏิบัติธรรมให้คงอยู่ตลอดไป

 

เอกสารอ้างอิง

 

๑. ภาษาไทย 

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.  พระไตรปิฎกภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาเตปิฏกํ.  กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๐.

สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์.  สภาวะสุขภาพจิตของนักโทษคดีความผิดต่อชีวิตและร่างกาย.  นนทบุรี: กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข, ๒๕๕๐.

สำนักทัณฑวิทยา กรมราชทัณฑ์.  การศึกษาข้อกำหนดของการดำเนินการจัดงานวันพบญาติที่มีผลต่อการฟื้นฟูจิตใจของผู้ต้องขัง.  กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ราชทัณฑ์, ๒๕๕๐.

__________.  ระยะเวลาการถูกคุมขังของผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี.  กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ราชทัณฑ์, ๒๕๕๐.

__________.  รอยสักผู้ต้องขังปัญหาในการปรับตัวและการยอมรับจากสังคม.  กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ราชทัณฑ์, ๒๕๕๐.

__________.  งานราชทัณฑ์เปรียบเทียบ: มาตรการในการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขัง. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ราชทัณฑ์, ๒๕๕๑.

๒. ภาษาอังกฤษ

Federal Bureau of Justice.  Recidivism Study.  Washington. D.C:  U.S.Department of Justice, 2007.

Mark ,L. Earley.  Criminal Justice Ethics.  Verginia: Winter Publishing, 2004.

M.J.A., Glickman.  From Crime to Rehabilitation.  London: Gower Publishing Company        Limited, 2005.

(ที่มา: บทความทางวิชาการ)
 
 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕